Thursday, December 1, 2011

IELTS Speaking Tip 1

บทความโดย Russell Evans
คล่องแคล่วและต่อเนื่องเป็นหนึ่งเดียว

ฝรั่งอยากฟังอะไรจากเรา ?

ในข้อสอบการพูด อาจารย์จะให้คะแนนผู้สอบโดยพิจารณาจากคุณสมบัติ 4 ส่วน
·        ความคล่อง ฉะฉาน และไอเดียต่อเนื่อง
·        คลังคำศัพท์ และการเลือกใช้ศัพท์ที่ถูกต้อง
·        ความแข็งแกร่ง แม่นยำของไวยากรณ์  
·        การออกเสียง สำเนียงที่เหมาะสม

อะไร คือ “ความฉะฉาน” (fluency) และ “ความคิดที่ต่อเนื่อง” (coherence) ?

อธิบายง่ายๆ ก็คือ ความสามารถในการรักษาระดับการพูดด้วยสปีดที่กำลังดี ไม่ใช้คำซ้ำจนน่าเบื่อ พูดผิดซ้ำๆ ซากๆ  หรือหยุดคิดบ่อยและนานจนเกิดความเงียบ ผู้สอบที่มีทักษะการพูดที่ดีนั้น นอกจากจะรู้จักวิธีแปลความหมายและอธิบายคำที่ไม่รู้จักหรือลืมออกได้มาแล้ว (Paraphrasing) ยังต้องสามารถจัดระเบียบเชื่อมโยงความคิดได้ดีด้วย และสามารถถ่ายทอดขยายความออกมาอย่างชัดเจน โดยไม่รู้สึกลำบากลำบนเกินไปนัก ที่สำคัญที่สุด ผู้สอบที่พูดคล่องและแสดงไอเดียได้อย่างลื่นไหลนั้น จะต้องตอบคำถามได้กระจ่าง มั่นใจ ผ่อนคลาย และเป็นธรรมชาติ

แล้วเราจะทำแบบนี้ได้ไหม?

มีตัวเลขที่น่าตกใจว่า คนจำนวนมากไม่เคยได้ยินตัวเองพูดภาษาอังกฤษ และเราก็อาจเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ดังนั้น วิธีแก้ไขก็คือ ลองอัดเสียงพูดของตัวเอง โดยหาตัวอย่างคำถามที่มีอยู่มากมายในอินเตอร์เน็ตและหนังสือ แล้วตอบเป็นภาษาอังกฤษดู ซึ่งตรงนี้เราสามารถให้เพื่อนช่วยเล่นเป็นอาจารย์คุมสอบก็ได้ แต่ต้องมั่นใจว่าเพื่อนเราจะไม่เผลอบอกคำถามที่กำลังจะเริ่มว่าคืออะไร จากนั้นก็ใช้มือถือหรือโปรแกรมบางอย่าง (เช่น Audacity at http://audacity.sourceforge.net/) มาบันทึกการสัมภาษณ์หลอกๆ นี้ และเปิดฟังเมื่อตอบคำถามเสร็จ

อะไร คือ สัญญาณอันตราย?
·        เราพูดช้าไปหรือเปล่า?
·        รู้ตัวไหมว่า เราหยุดระหว่างคำนานไป
·        รู้ตัวไหมว่า กำลังพูดซ้ำ คำนี้เพิ่งพูดไป คำนี้มาอีกแล้ว
·        รู้ตัวไหมว่า เราพูดผิด แต่ขอแก้ใหม่ พูดใหม่ ก็ยังผิด แก้คำถูกๆ ผิดๆ มากเกินไป
·        รู้ตัวไหมว่า เราหยุดคิดนานเมื่อเจอศัพท์ที่ไม่รู้จัก หรือนึกคำไม่ออก
·        รู้ตัวไหมว่า เราตอบไม่ตรงคำถาม แถมยังริตั้งคำถามใหม่

ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ หากตอบ “ใช่” เป็นส่วนใหญ่ล่ะก็ นี่แหละสัญญาณอันตรายที่จะทำให้เราถูกตัดคะแนนความฉะฉานและความต่อเนื่อง

ปัญหานี้ ซ่อมได้ ?

ไม่มียาวิเศษใดที่กินแล้วทำให้เราเก่ง ฉะนั้นปัญหาข้างต้นนี้ก็ไม่ง่ายนักที่จะแก้ไขให้เสร็จทันตา แต่ว่าเราสามารถลดผลกระทบที่ตามมาได้
·        ความเร็วของคำพูด เร่งสปีดขึ้นมาอีกนิด อย่ากังวลมากเกินไปว่าจะหลุดแกรมม่า พยายามรักษาจังหวะการพูดให้เป็นธรรมชาติ และไม่เกร็งดีกว่า
·        ช่องว่างระหว่างคำ ใช้วิธีแบบนักการเมือง ที่นิยมทวนคำถาม หรือเกริ่นนำ เป็นการซื้อเวลาสั้นๆ ได้อย่างแนบเนียบ เช่น “คำถามนี้น่าสนใจทีเดียว…” หรืออืม ผมไม่เคยคิดถึงประเด็นนี้มาเลยจริงๆ …” เพียงแค่นี้เราก็มีเวลาคิดเพิ่มอีกสัก 5-10 วินาทีแล้ว
·        พูดซ้ำ พูดผิดแก้ใหม่ อย่ากลัวที่จะพักสูดลมหายใจให้เต็มปอด ก่อนเริ่มตอบคำถาม เพราะเป็นสิ่งที่เจ้าของภาษาเขาทำกัน และเราก็ควรเอาแบบอย่างด้วย ยิ่งเราตอบเร็วมากเท่าไร ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการพูดผิดและเลือกคำซ้ำมากเท่านั้น
·        ศัพท์ใหม่ไม่รู้ ศัพท์เก่าลืม พยายามหาทางออกจากอุปสรรคให้เร็วที่สุด  เช่น ถ้าอาจารย์ถามเกี่ยวกับดอกไม้ที่มีความสำคัญต่อประเทศไทย แต่เรานึกไม่ออกว่า “มะลิ” ในภาษาอังกฤษคือคำว่าอะไร เราอาจพูดออกไปว่า “ผมลืมชื่อภาษาอังกฤษครับ แต่ลักษณะของดอกชนิดนี้เป็นดอกกลีบเล็กสีขาว กลิ่นหอม…” เป็นต้น

ข้อสอบพูด ถือเป็นส่วนที่ยากสำหรับนักเรียนไทย เพราะว่าไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ ฉะนั้นจึงควรฝนฝึกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความเคยชิน ทั้งในแง่การบริหารความคิด และบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าและรอบๆ ปาก ซึ่งก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ทำให้เราฟุดฟิดฟอไฟฟ์ได้คล่องขึ้น 


เกี่ยวกับผู้เขียน
Russell Evans มีประสบการในการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยมากว่า 10 ปีแล้ว และนอกจากนี้ ยังมีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือนักเรียน กับทีม British Council - IELTS มาตั้งแต่ปี 2004

No comments:

Post a Comment